น้ำตาลกับชาเย็นๆ

          ฤดูร้อนปีนี้ คนไทยต้องเผชิญกับอากาศที่ร้อนระอุ แสงแดดที่แผดเผา อย่างรุนแรงถ้วนหน้า สภาพอากาศที่ร้อนจัด สิ่งที่คนไทยถวิลหา คงหนีไม่พ้นน้ำแข็งหรือน้ำดื่มเย็นๆ เพื่อดื่มให้ชื่นฉ่ำใจ

          ทว่าความเย็นอย่างเดียวไม่พอ เพราะคนไทยติดหวาน เมนูน้ำ ชาเย็น นมเย็น ชานมไข่มุกและน้ำอัดลมทั้งหลายจึงขายดิบขายดี

          “ชาเย็น” เมนูสุดฮิต เครื่องดื่มที่ชงสด มีความหอมของผงชา รสหวาน มันละมุนลิ้น เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นแบบไทยๆ เมนูที่เราคุ้นเคยกันมาตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ย่า และเป็นที่ชื่นชอบของคนไทยรวมทั้งชาวต่างชาติ หลายๆคนมักสั่งดื่มเกือบทุกวัน เพื่อเรียกความสดชื่นของร่างกาย

           แต่ “มันมากับอาหาร” อยากขอเตือนสักนิดว่า.....

           การดื่มชาเย็นบ่อย หรือดื่มในปริมาณมากๆ ความหวานมันละมุนลิ้น ย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ เพราะเมื่อร่างกายได้รับน้ำตาลปริมาณมากๆ ย่อมสุ่มเสี่ยงทำให้เกิดโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคฟันผุ และส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน หรือผู้มีโรคประจำตัว ควรระวังมากที่สุด

           เพื่อความสบายใจ สถาบันอาหาร ได้สุ่มตัวอย่างชาเย็น 5 ตัวอย่าง จาก 5 ร้านขายเครื่องดื่มย่านปิ่นเกล้าและบางขุนศรี นำมาวิเคราะห์ปริมาณความหวานที่ได้จาก ฟรักโทส, กลูโคส, ซูโครส, มอลโทส และแล็กโทส)

           ผลการวิเคราะห์พบว่า ในชาเย็นปริมาณ 100 มิลลิลิตร มีน้ำตาล 10.58-25.00 กรัม หรือหากคิดต่อปริมาณ 1 ขวด หรือ 1 ถุง จะมีน้ำตาล 21.16-70.00 กรัม

           ทั้งนี้ จากคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) ควรบริโภคน้ำตาล 25 กรัม/วัน หรือประมาณ 6 ช้อนชา

           ฉะนั้น ใน 1 วันหากเราดื่มชาเย็น 1 ขวด หรือ 1 ถุง ย่อมทำให้ร่างกายได้รับปริมาณน้ำตาลเกินโควตาแล้ว แต่ถ้าต้องการดื่มจริงๆ ควรดื่มเล็กน้อยพอให้ชื่นใจ หากอากาศมันร้อนจัด จนเสียเหงื่อมาก ดีที่สุดคือน้ำสะอาด ที่สามารถจิบเป็นระยะตลอดวันเพื่อทดแทนการสูญเสียน้ำในร่างกาย จะปลอดภัย “เบาหวาน” ไม่ถามหา.

ผลวิเคราะห์ปริมาณน้ำตาลในชาเย็น

วันที่วิเคราะห์ 30 เม.ย.- 2 พ.ค. 2562    วิธีวิเคราะห์  In-house method T997 based on AOAC(2016) 982.14

ศูนย์วิจัยและประเมินความเสี่ยงด้านอาหารปลอดภัย สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม

โทร. 02 422 8688 หรือ http://www.nfi.or.th/foodsafety/