เปิดอีเว้นท์ใหญ่ “Thailand : Taste of Street Food 4.0”
ยกระดับร้านอาหารริมทาง สร้างโอกาสทางธุรกิจสู่อุตสาหกรรม
27 – 29 เม.ย. นี้ ใต้สะพานพระราม 8 ฝั่งธนบุรี
กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสถาบันอาหาร จัดงานใหญ่ Thailand : Taste of Street Food 4.0, MAKEOVER Chance to the Future “สร้างโอกาสทางธุรกิจสู่อนาคต” ระหว่างวันที่ 27 - 29 เม.ย. 2561 เวลา 11.00 - 22.00 น. บริเวณพื้นที่ใต้สะพานพระราม 8 ฝั่งธนบุรี หวังยกระดับความปลอดภัย คุณภาพ มาตรฐานการผลิตและการบริการให้ธุรกิจร้านอาหารริมทาง หรือ Street Food ของไทยที่มีมากกว่า 103,000 ร้านทั่วประเทศ มีมูลค่าตลาดสูงราว 2.7 แสนล้านบาทต่อปีให้ตื่นตัว ขยายเครือข่ายธุรกิจสู่รูปแบบแฟรนไชส์ และส่งออกได้ในอนาคต จัดอบรมพัฒนาศักยภาพ หนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ชูนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่ปลอดภัย เทคโนโลยีการชำระเงิน การสั่งซื้อ/ส่งสินค้า และเตรียมพร้อมสู่ยุค 4.0 ระดมการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชนร่วมสานพลังประชารัฐ อาทิ กรุงเทพมหานคร – กรมการพัฒนาชุมชน - องค์การสุรา กรมสรรพสามิต - สสว. – เอสเอ็มอีแบงค์ - ททท. – ธนาคารออมสิน - ไทยเบฟเวอเรจ - เอสซีจี แพคเกจจิ้ง - ไทยร่วมใจน้ำมันพืช และอาจจิตต์อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็พเพอร์แอนด์สไปซ์ เป็นต้น
นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “นโยบายการผลักดัน Street Food ไทยให้ก้าวสู่ยุค 4.0” ว่า ผู้ประกอบการ Street Food นับเป็นผู้ประกอบการเศรษฐกิจฐานรากที่เป็นกลไกสำคัญที่จะต่อยอดไปถึงเศรษฐกิจมหภาค มีจำนวนมากกว่า 103,000 ร้านทั่วประเทศ และมีมูลค่าตลาดสูงราว 2.7 แสนล้านบาทต่อปี จากนโยบายของรัฐบาลในการมุ่งเน้นสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการในกลุ่มเศรษฐกิจฐานราก โดยการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเรื่องวิธีการดำเนินธุรกิจ และกระบวนการสร้างรายได้ สนับสนุน และส่งเสริมให้ดำเนินการตามความถนัด และความเชี่ยวชาญ ประกอบกับในปี 2560 ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับจากเว็บไซด์ CNN ให้เป็นประเทศที่มีอาหารริมทางที่ดีที่สุดในโลก กระทรวงอุตสาหกรรม จึงมอบหมายให้ สถาบันอาหาร จัดทำแผนพัฒนาผู้ประกอบการในกลุ่ม Street Food ด้วยการพัฒนามาตรฐาน ความปลอดภัย และคุณภาพของสินค้าอาหารให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค
สำหรับแนวทางของแผนพัฒนาผู้ประกอบการ Street Food นั้น ถือเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารทุกกลุ่ม แบ่งเป็นระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล โดยมียุทธศาสตร์ที่สำคัญในการดำเนินการระยะสั้น ภายใน 1 ปี ประกอบด้วย 1) การเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัวและการแข่งขันของผู้ประกอบการอาหารไทย ด้วยการสร้าง “นักรบเศรษฐกิจอุตสาหกรรมอาหาร” 2) จัดทำระบบการพัฒนาปัจจัยเอื้อต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารไทยให้เป็นครัวของโลก โดยการสนับสนุนให้เกิดการลงทุนภาคเอกชนในการพัฒนา Thailand World Food Valley 3) พัฒนาตลาดอุตสาหกรรมอาหารอนาคตและช่องทางการค้า สนับสนุนให้เกิดการจัดงาน World Food Festival Thailand ขึ้นในประเทศไทย เพื่อสร้างความชัดเจนในการเป็นครัวของโลก รวมไปถึงการสร้างตราสินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักจดจำ ผ่าน Rod Thai Tae(รสไทยแท้) และที่สำคัญคือ การสร้างช่องทางการค้าผ่านระบบดิจิทัล
นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กล่าวว่า สถาบันอาหาร มีเป้าหมายยกระดับผู้ประกอบการ เพื่อให้แข่งขันได้ในยุคที่ผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมดิจิทัลใน 4 ด้านที่สำคัญ ได้แก่ 1) ด้านสุขอนามัยที่ดีในการผลิตและบริการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค ครัวไทยครัวคุณภาพปลอดภัยครบวงจร 2) ด้านการจัดการและสร้างอัตลักษณ์ เพื่อค้นหาจุดขายที่จะช่วยสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นและการเตรียมตัวสู่ธุรกิจบริการ4.0 3) ด้านการนำเสนอวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นผ่านอาหารรสไทยแท้ 4) ด้านการส่งเสริมการสร้างสรรค์เมนูอาหารและบรรจุภัณฑ์ ด้วยการ
ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการทุกระดับมีโอกาสได้พัฒนาศักยภาพตนเอง และเกิดการกระจายรายได้ สร้างความเข้มแข็งระดับชุมชน ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องไปพร้อมกัน
ทั้งนี้ในส่วนของพื้นที่จัดงานจะพบร้านอาหารริมทางเลื่องชื่อกว่า 100 ร้าน ในบรรยากาศจำลองย่านการค้าดั้งเดิม ร้านโอทอปริมทางจากทั่วประเทศ ชิมเมนูอาหารหาทานยาก อาหารร้านดังจากโลก โซเชียล Food Truck และกลุ่ม Start Up มากไอเดีย โชว์ชุดรถเข็นขายอาหารตามมาตรฐานต้นแบบที่ถูกสุขลักษณะ ชมนิทรรศการแนวโน้มบรรจุภัณฑ์อาหาร พร้อมรับคำปรึกษาด้านธุรกิจจากหน่วยงานต่างๆ อาทิ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) เป็นต้น โดยมีอีกหลายหน่วยงานร่วมให้การสนับสนุนการจัดงานครั้งนี้ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) องค์การสุรา กรมสรรพสามิต สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) บริษัท ไทยร่วมใจน้ำมันพืช จำกัด และบริษัท อาจจิตต์อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็พเพอร์แอนด์สไปซ์ จำกัด
สำหรับพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการในวันนี้ มีการจัดแสดงนิทรรศการตัวอย่าง Street Food สู่อุตสาหกรรม แนวโน้มบรรจุภัณฑ์ในอนาคต และผลิตภัณฑ์อาหารริมทางที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ เช่น ขนมหม้อแกงกรอบ ขนมจีนน้ำยาปูฟรีซดราย น้ำซอสผัดไทยทิพย์สมัย และจัดเลี้ยงอาหารในรูปแบบ Family Dinner มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 300 คน ประกอบด้วยคณะทูตานุทูต จากประเทศต่างๆ แขกผู้มีเกียรติจากภาครัฐและเอกชน ผู้มีชื่อเสียงในแวดวงการท่องเที่ยว อาหาร โรงแรม สายการบิน สถาบันการศึกษา และสื่อมวลชน
ทั้งนี้การจัดเลี้ยงดังกล่าว เป็นการคัดเลือกเมนูอาหาร Street Food ที่ได้รับความนิยม มาปรุงและตกแต่งการเสิร์ฟโดยเชฟชุมพล แจ้งไพร อาหารคาว ได้แก่ ไก่ย่างเสียบตะไคร้ ส้มตำ สะเต๊ะไก่ ขนมครกซ่อนตีนไก่เจลาติน กระเพาะปลา ผัดไทยกุ้งสด หอยทอดเสิร์ฟแบบกระทะร้อน ข้าวมันไก่ ทะเลเผาเสิร์ฟบนเตาอั้งโล่ ข้าวผัดปูเสิร์ฟในใบบัว ต้มยำหัวปลาหม้อไฟ และข้าวกะเพราเนื้อไข่ดาว อาหารหวาน ได้แก่ รวมมิตรน้ำแข็งใส บัวลอยเบญจรงค์ 5 สี ไอศกรีมและข้าวเหนียวมะม่วง และผลไม้เสิร์ฟบนรถเข็น อาทิ มะม่วงน้ำปลาหวาน มะละกอ แตงโม ฝรั่ง สับปะรด ชมพู่ เครื่องดื่ม ได้แก่ มะพร้าวน้ำหอมเสิร์ฟทั้งลูก น้ำลำไย น้ำตะไคร้ใบเตย และน้ำแร่ตราช้าง เป็นต้น
.....................................................................................